วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

ใกล้แค่เอื้อม

Jim Thompson's House & Museum
บางทีของดีที่อยู่ใกล้ตัวเรากลับไม่ใฝ่หาหรือเสพรับเอาไว้ กลับไปไขว่คว้า เสาะแสวงหาที่อันไกลโพ้นออกไป ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ไกลตัวนั้นไม่ควรรู้หรือต่อต้านการไปที่นั่นแต่อย่างใด เพียงแต่การหวังอยากจะไปในที่แสนไกลนั้นๆ มันเหมือนฝันลมๆ แล้งๆ และเมื่อฝันมากๆ บางทีไม่ได้ไป ก็จะพลอยทำให้เศร้าว่าทำไมเราไม่ได้ไปสักที
ผู้เขียนเองก็อยากบอกว่า กรณีข้างต้นตนเองเป็นบ่อยเหมือนกัน พอเมื่อไม่นานนี้ เป็นโอกาสอันเหมาะ แอบปลีกตัวออกมาและทนกับอากาศร้อนเล็กน้อย จึงได้ไปเยี่ยมบ้านบุคคลสำคัญที่ทำให้เมืองไทยมีชื่อเสียง นั่นก็คือบ้านคุณจิม ทอมป์สัน ชาวอเมริกาที่ตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองไทยถาวรหลังปลดประจำการราชการกองทัพสหรัฐฯแล้ว คุณจิมรักและหวงแหนในศิลปะ เอกลักษณ์ของไทย โปรโมทผ้าไหมไทยไปยังต่างแดนจนเป็นที่รู้จักกันในนาม King of Thai Silk หรือ ราชาไหมไทยนั่นเอง
นั่งรถไฟฟ้าลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ จากนั้นเดินเข้าซอยที่มีบันไดเลื่อนขึ้นบีทีเอสนั่นแหละค่ะ เดินเข้าไปจนสุดซอย ทีแรกผู้เขียนคิดว่าเข้าถูกซอยหรือเปล่า เดินมากลางซอยแล้วยังไม่เห็นป้ายเลย แต่ก็เชื่อว่าน่าจะถูกเพราะเห็นชาวต่างชาติเดินเข้าไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าระหว่างเดินเข้าไปก็จะมีไกด์หลอกๆ (ไกด์ผี) อยู่เป็นระยะ ก่อนถึงบ้านคุณจิม จะเป็นห้องสมุดวิลเลี่ยม วอร์เรน ผู้เขียนชีวประวัติคุณจิม ทอมป์สัน ห้องสมุดแห่งนี้อาคารเป็นแนวโมเดิล และมีกิจกรรมงานศิลป์ร่วมสมัยอยู่บ่อยครั้ง หากใครเลยเข้าไปชม เข้าไปร่วมกิจกรรมก็มาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ ถัดตัวห้องสมุดนั่นก็คือบ้านและพิพิธภัณฑ์จิม ทอมป์สันนั่นเอง

เมื่อเดินเข้าไปทางซ้ายมือจะเป็นอาคารจัดนิทรรศการ (ส่วนใหญ่แนวศิลปะ ภาพยนตร์) ชั้นล่างเป็นร้านขายของ ทางด้านขวาจะมีที่ซื้อตั๋วเข้าชม สำหรับผู้เข้าชมผู้ใหญ่ราคา 100 บาท เด็กหรือนิสิต นักศึกษา ราคา 50 บาท งานนี้เป็นคนไทยก็ต้องเสียนะคะ ถัดจากที่ขายตั๋วเป็นร้านอาหารไทยที่มีบ่อปลาคราฟตัวโตว่ายไปมา ถึงผู้เขียนจะเข้ามาเยี่ยมในวันที่อากาศแสนร้อน แต่รอบๆ บริเวณบ้านกลับร่มเย็น มีต้นไม้ใหญ่บังแดดให้สำหรับคนที่กลัวสิวและฝ้า
พนักงานต้อนรับแต่งตัวแบบไทยประยุคเรียบร้อย ส่งยิ้มหวานเชื้อเชิญให้เข้าไปลงชื่อก่อนมีไกด์พานำเที่ยว ผู้เขียนไปกับคุณแม่ เป็นนักท่องเที่ยวคนไทยเพียง 2 คนในวันนั้น ก็คิดว่าคงได้ไปรวมกลุ่มกับชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษสักกลุ่ม และตัวผู้เขียนคงได้ทำหน้าที่ล่ามให้คุณแม่เป็นแน่แท้ พอถึงเวลานัดแล้ว กลับมีไกด์ใจดีคนไทยเข้ามาทักทายพาเราเดินชมและพูดภาษาไทยตลอดการเดินชมในบ้าน ผู้เขียนแอบได้ยินไกด์ภาษาอื่นๆ นำเที่ยวชาวต่างชาติอยู่บ้าง ฟังแล้วแอบอิจฉา อยากรีบกลับไปฝึกภาษาที่ 3, 4, 5, 6, 7, 8……. เลยทีเดียวเชียว สำเนียงเป๊ะมากค่ะ
บ้านคุณจิมนั้นเป็นบ้านไม้สัก ทรงไทย 6 หลัง ที่นำมาประกอบและดัดแปลงให้กลายเป็นบ้านหลังเดียว มีสัดส่วนต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าในทุกสัดส่วน มีชั้นล่างไว้วางรองเท้า มีห้องสะสมเครื่องชามโบราณ ผืนผ้างานศิลป์ที่หาดูได้ยาก รวมถึงพระพุทธรูปมากมายที่คุณจิมสะสมไว้ด้วย ตัวอาคารบ้านทั้งหลังมีการตกแต่งในลักษณะของชาวตะวันตกที่ชื่นชอบงานศิลปะของทางตะวันออก แต่ยังคงสภาพบ้านและบรรยากาศให้เหมือนอยู่บ้านไทยเดิมมากๆ ห้องที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้เขียนคือห้องรับรองแขกที่นอกจากผ้าปูเตียงจะเป็นลายไทยแบบบนฝาผนังวัดแล้ว ยังมีห้องน้ำที่ทางไกด์ใจดีบอกว่าเป็นห้องน้ำแบบชักโครกทันสมัยอีกต่างหาก หากแต่เป็นความประสงค์ของคุณจิมที่ไม่อยากให้เปิดให้สาธารณชนเข้าชม (เลยอด) อีกห้องที่น่าสนใจคือห้องทำงานของคุณจิมที่มีติดแอร์ตัวเล็กๆ ไว้ด้วย และแอร์ตัวนั้นก็ยังใช้งานได้อยู่ ก่อนจากกันไกด์ผู้ใจดีบอกเราว่า ความจริงแล้วมีทัวร์ไปเที่ยวไร่ไหมของจิม ทอมป์สันด้วย อยู่ที่โคราช เปิดเป็นบางช่วงเท่านั้น ฟังแล้วก็หู่ผึ่งอยากไปเที่ยวอีกแล้วค่ะ แต่เดี๋ยวต้องหาข้อมูลก่อน หรือใครใจดีอยากมาเล่ามาบอกก็เชิญเลยค่ะ
ด้วยอากาศที่ร้อนผู้เขียนเลยเดินเล่นในร้านขายของ ชาวต่างชาติชื่นชมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไหมไทยไปเป็นการใหญ่ แอบได้ยินสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง ยืนอ่านคำทำนายไทยโบราณที่ทำเป็นของที่ระลึกด้วยความสนุกสนาน ปนแปลกใจ อ่านจบก็บอกกันว่า ซื้อไปสักอันแล้วกันนะ แค่ 2 ปอนด์เอง อืมมม มันถูกสำหรับเขาซินะ สำหรับผู้เขียนแล้ว ข้าเข้าชม 100 บาทนี้คุ้มมาก ทั้งบรรยากาศและความรู้ที่จะได้รับจากไกด์หลากภาษา เงินทั้งหมดนี้นอกจากใช้ทำนุบำรุงสถานที่อันมีความสำคัญยิ่งของไทยเรานี้แล้ว ยังแบ่งส่วนหนึ่งไปช่วยโรงเรียนคนตาบอดอีกด้วย ของดีอยู่ใกล้แค่เอื้อมแค่นี้ อย่าลืมแวะไปลองสัมผัสบ้างนะคะ  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น