วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

lady in Brave Heart Land 2

บทที่ 1 เมืองผู้กล้า

เมืองBrave Heart หรือเมืองผู้กล้านี้ ชื่อจริงๆคือ Stirling เมืองเล็กๆในสก็อตแลนด์เมืองนี้ ห่างจากเมืองหลวงปัจจุบันของสก็อตแลนด์อย่างเอดินบะระ และเมืองอุตสาหกรรมอย่างกลาสโกวประมาณ1ชั่วโมงโดยรถไฟ ในสก๊อตแลนด์จะแบ่งแยกออกเป็น2ส่วนเรียกว่า Lowland กับ Highland สเตอริงนั้นเป็นเมืองกั้นระหว่างไฮแลนด์กับโลแลนด์เลยก็ว่าได้

เมืองเล็กๆแต่มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่นั้นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้พอสมควรเลยทีเดียว จากเรื่องBrave Heartแล้ว คงจะมองข้ามชื่อตัวเอกในหนังเรื่องนี้ไปไม่ได้ พระเอกของเรื่องนี้ชื่อว่า William Wallace ผู้กล้าแห่งสก๊อตแลนด์นั่นเอง เขาได้พยายามสู้กับกองทัพอังกฤษจนโดนจับได้และประหาร ส่วนต่างๆของร่างกายคุณวิลเลี่ยม วอร์เลส์นั้นได้ถูกส่งไปยังหัวเมืองต่างๆในอังกฤษ เพื่อปรามผู้ที่คิดก่อกบฏว่าจะต้องเจอชะตากรรมเดียวกันนี้ ถึงแม้ว่าความพยายามของเขาจะไม่สำเร็จทันตาเห็น แต่Robert the Bruceก็ได้กอบกู้อิสรภาพ สานต่อความตั้งใจของวิลเลียม วอร์เลส์จนสำเร็จ แล้วนี้ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สเตอริงเป็นเมืองหลวงเก่าของสก๊อตแลนด์ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นเมืองเอดินบะระ

พูดถึงประวัติศาสตร์พอสมควรแล้ว เรามาดูกันบ้างว่าปัจจุบันเมืองเป็นยังไง สเตอริงเป็นเมืองเล็กๆที่สามารถเดินถึงกันได้หมด ถ้าเป็นคนไม่ได้รีบร้อนจะต้องไปทำธุระอะไร แต่บางที่อาจจะทำให้หอบกันได้บ้าง อย่างตัวปราสาทกับอนุสรณ์สถานนั้นอยู่บนเขา ไม่มีรถเมล์ไปส่ง จะมีก็แต่เรียกแท๊กซี่กับขับรถไปเท่านั้น ดังนั้นถ้าเดินก็เมื่อยกันนิดนึงละคะ คุณหนูที่เคยอยู่เมืองกรุงอย่างเราก็รู้สึกแปลกตาและไม่คุ้นชินที่เห็นทุกทิศมีแต่ต้นไม้ สวน สีเขียวๆ ไม่มีตึกสูงเลยสักตึก ในตัวเมืองนั้นมีห้างอยู่ห้างเดียว แต่เป็นอะไรที่แปลกตรงที่ห้างนี้มีPrimarkหรือแหล่งช๊อปของถูกด้วย สำหรับคนที่เคยไปเที่ยวหรือเรียนอยู่ที่อังกฤษก็คงจะรู้ดีว่าPrimarkเป็นร้านที่พึ่งของทั้งคนต่างชาติทุนน้อยแบบเราๆ และคนพื้นเมืองที่อยากซื้อของถูก ขายตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า หมอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ยกเว้นแต่ของกินกับเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นที่ไม่มี ที่บอกว่าแปลกก็เพราะเมืองใหญ่อย่างเอดินบะระที่เป็นเมืองหลวงด้วยเนี่ยกลับไม่มีร้านนี้อยู่ กลับมามีร้านอยู่ที่เมืองเล็กๆแห่งนี้ซะงั้น เวลาไปเดินในร้านนี้ บางทีดูแล้วก็งงคะว่าเสื้อพวกนี้ถูกได้ขนาดนี้เลยหรอ อย่างเสื้อโค้ทสวยๆตัวนึงบางทีซื้อได้ในราคา25ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยคือ 1250บาท ถ้าดูตามร้านต่างๆในเมืองไทยแล้ว โค้ทดีๆสวยๆเนี่ย ราคาหลักพันต้นๆไม่ได้หรอกคะ แล้วไม่ใช่ห่วยๆนะคะ อยากบอกว่าผู้เขียนใช้คุ้มมาก ใส่บ่อยมาก เกือบทุกวันเป็นระยะเวลาปีนึงเต็มๆเนี่ยยังไม่ขาดเลย ดังนั้นใครที่จะไปเรียนที่สหราชอาณาจักรอังกฤษเตรียมพวกชุดชั้นใน เสื้อผ้าซับใน เสื้อยืด แล้วก็เสื้อแจ๊กเก็ตไปนิดหน่อยก็ได้คะ นอกนั้นถ้าหาร้านPrimarkเจอก็เข้าไปลุยได้เลยคะ แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะเลือกแล้วไม่ตรงกับไซด์เราเพราะเขามีห้องลองเสื้อเหมือนร้านขายเสื้อผ้าร้านอื่นๆแหละคะ ดังนั้นเลือกตามสบายเลย แต่สำหรับร้านPrimarkในลอนดอนแล้วอาจจะรอนานหน่อยเพราะคนเยอะมาก ส่วนสาขาในสเตอริงนี้สบายๆคะ

โรงหนังนั้นมีอยู่2แห่งให้เลือกคะ คืออันนึงที่อยู่ในเมืองกับอีกอันที่อยู่ในมหาวิทยาลัย โรงละครในเมืองจะมีหนังใหม่และมาเร็วกว่าโรงหนังที่อยู่ในมหาลัย แต่สำหรับคนที่เป็นแฟนตัวยงของหนังอินดี้ หรือแนวอาร์ตๆหน่อยแล้วละก็ คงถูกใจกับโรงหนังในมหาลัยมากกว่า บางครั้งโรงหนังในตัวมหาลัยนั้นจะมีโปรโมชั่นเช่น ถ้าเป็นนักเรียนลดให้เท่าไหร่

หรือดูหนัง4เรื่องในราคาพิเศษเป็นต้น เอนเตอร์เทนอื่นๆก็มีโรงละครที่เดินเลยตัวเมืองไปเล็กน้อย สนามกีฬา โดยเฉพาะสระว่ายน้ำระดับมาตรฐานโอลิมปิกในมหาลัยก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มีคนแวะมาใช้บริการอยู่เสมอ

มิน่าละ ทีมมหาลัยสเตอริงถึงได้เป็นแชมป์กีฬามหาลัยสก๊อตบ่อยๆ พี่สาวพูดหยอกๆเมื่อสำรวจมหาวิยาลัยไปพร้อมๆกับผู้เขียน
ก็ได้ข่าวว่า มหาลัยเอดินบะระเนี่ยติด1ในสิบทุกสาขายกเว้นกีฬาหนิผู้เขียนแอบหยอกกลับ อันนี้เป็นเรื่องจริงที่อ่านจากThe Timeนะคะ

แหล่งซื้อของกินหรือซุปเปอร์ก็จะมีTescoกับ Sainsbury เป็นที่ที่ทั้งเด็กต่างชาติและคนพื้นที่ไปซื้อของตุนหรือทำกินกัน จะว่าไปแล้ววิถีชีวิตของคนที่นี่เขาก็ซื้อทำกินกันหรือซื้ออาหารแช่แข็งกันบ่อยๆข้อแรกคือ กินข้าวนอกบ้านตามร้านต่างๆค่อนข้างแพง ประการที่สองคือเวลาฤดูหนาวเนี่ยหนาวมาก เขาก็จะซื้ออาหารตุนไว้เผื่อออกจากบ้านไม่ไหว และประการสุดท้ายคือช่วงวันคริสมาสต์ทุกอย่างจะหยุดทำการหมด ทั้งรถไฟ ห้าง แล้วก็ซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นตุนอย่างเดียวคะ ต้องตุนประมาณให้รอดได้3-4วันจะเป็นดีคะ ซุปเปอร์2ยี่ห้อนี้ เทสโก้อยู่ใกล้เมืองกว่า แต่เซนเบอร์รี่ค่อนข้างใหญ่กว่า ถ้าจะถามว่าที่ไหนมีของไทยหรือเครื่องปรุงแบบเอเชียมากกว่าแล้วละก็ พอกันคะ ถ้าใครอยากได้เครื่องปรุงเอเชียจริงๆแนะนำให้ลองไปซุปเปอร์แขกกันดู บางทีก็จะมีมะม่วงของแขก รสชาติใช้ได้ คล้ายกับบ้านเราอยู่ แล้วก็พอจะพึ่งพวกพริกกับเครื่องแกงได้นิดหน่อย แต่ทางที่ดีถ้าเกิดว่าเราคนไทยอยากได้เครื่องปรุงไทยๆจริงๆเนี่ยต้องไปซุปเปอร์จีนหรือไม่ก็ซุปเปอร์ไทย ข่าวร้ายคือทั้งสองอย่างนี้ไม่มีในเมืองผู้กล้านี้คะ ต้องไปซื้อที่เมืองเอดินบะระกับเมืองกลาสโกว ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างซินะ ได้ที่ช็อปปิ้งเสื้อถูกแต่ไม่มีซุปเปอร์ไทยให้ ซุปเปอร์จีนที่เมืองกลาสโกวใหญ่กว่าที่เมืองเอดินบะระ แล้วก็ไปง่ายด้วยเพราะว่าพอนั่งรถไฟไปลงที่เมืองปุ๊ป ก็เดินไปที่ซุปเปอร์จีนนี้ได้เลย ไม่ต้องหารถเมล์ไปต่อแต่อย่างใด ส่วนที่เมืองเอดินบะระมีซุปเปอร์จีนประมาณ3ที่ ซุปเปอร์ไทยอีก2ที่ ก็แล้วสะดวกแต่ละท่านก็แล้วกันคะ

เรื่องของกิน เดี๋ยวจะมีบรรยายวีรกรรมของผู้เขียนให้ฟังต่อไปว่าทำอะไรบ้าง บางอย่างก็อ่านขำๆนะคะ บางอย่างก็คิดว่าน่าจะเอาไปใช้ได้บ้างคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น